หากใครที่กำลังสงสัยอยู่ว่า “ประเภทของไม้ แบ่งจากอะไร?” เพราะไม้ถือว่าเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา โดยให้ประโยชน์ในการนำไปใช้ตั้งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิ่งปลูกสร้าง เชื้อเพลิง และวัสดุทางเคมี จึงสามารถนำไม้ไปสร้างเฟอร์นิเจอร์, ทำของตกแต่ง, ทำฟืน, ทำกระดาษ และอื่นๆ อีกมากมายได้ตามที่ต้องการ ซึ่งไม้ก็จะมีหลากหลายพันธุ์ จึงทำให้ถูกจัดอยู่ในประเภทที่แตกต่างกันออกไป
ในวันนี้ MTK WOOD จะมาช่วยให้คุณได้เข้าใจเกี่ยวกับประเภทของไม้ได้ดีมากยิ่งขึ้น ว่ามีทั้งหมดกี่ประเภท และแตกต่างกันอย่างไร รวมไปถึงลักษณะของเนื้อไม้ที่ไม่ควรพลาด เพื่อช่วยให้คุณได้รู้ถึงระดับความแข็งของเนื้อไม้ ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านบทความนี้กันเลย!
ประเภทของไม้
ไม้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ไม้ที่เกิดตามธรรมชาติหรือไม้จริง และไม้ประกอบที่ถูกสร้างจากการนำไม้แต่ละชิ้นมาประกอบกัน โดยในวันนี้เราจะนำไม้จริงมาแบ่งให้คุณได้รู้ว่า ไม้มีด้วยกันทั้งหมดกี่ประเภท นั่นก็คือ
1 – ไม้เนื้อแข็ง
ไม้เนื้อแข็งถือว่าเป็นไม้ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการเติบโต เพราะถ้าหากปลูกต้นไม้ไปได้ประมาณ 4 – 5 ปี ยังมีวงปีน้อยเกินไปก็จะทำให้ไม่สามารถตัดไม้มาใช้ได้ จะต้องปล่อยให้ต้นไม้มีอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไป ถึงจะเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม
เป็นไม้ที่ขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรงทนทาน เพราะเนื้อไม้จะมีความหนาแน่นสูงกว่า 1,000 กก./ลบ.ม. ขึ้นไป ทำให้สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี เนื้อละเอียด และถ้าพูดถึงความสวยงามที่ด้านนอกไม้จะมีสีเข้มตั้งแต่แดงไปจนถึงดำ ส่วนด้านในผิวของเนื้อไม้จะมัน มีลวดลาย
แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นไม้ที่ค่อนข้างมีน้ำหนักมาก เวลาที่นำไม้ไปตัดหรือเจาะก็ต้องใช้เวลา เมื่อไหร่ที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไม้มีโอกาสยืด – หดตัวได้ และมีราคาสูง
พันธุ์ไม้เนื้อแข็ง: ไม้มะค่า, ไม้ประดู่, ไม้แดง, ไม้เต็ง, ไม้ตะเคียนทอง และไม้รัง เป็นต้น
2 – ไม้เนื้อแข็งปานกลาง
ไม้เนื้อแข็งปานกลางจะมีทั้งความแข็งที่ไม่เท่าไม้เนื้อแข็ง และความอ่อนที่กำลังพอดี ทำให้ไม้มีความแข็งแรงทนทานได้ในระดับหนึ่ง เพราะเนื้อไม้มีความหนาแน่นตั้งแต่ 600 – 1,000 กก./ลบ.ม ส่งผลให้มีความทนทานต่อทุกสภาพอากาศ เนื้อละเอียด และน้ำหนักเบา
เวลาที่นำไม้ไปใช้งานทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านก็สามารถทำได้ง่าย หรือตกแต่งไม้ด้วยการทำสีก็สะดวก เนื่องจากเนื้อไม้จะมีสีโทนอ่อน ที่สำคัญมีราคาจับต้องได้
ถึงแม้ว่าไม้จะมีความทนทานต่อทุกสภาพอากาศ แต่ก็ยังคงต้องระวังเรื่องของความชื้น ที่จะทำให้เกิดเชื้อราขึ้นบนไม้ และเหล่าแมลงที่พร้อมจะกัดกินเนื้อไม้ได้
พันธุ์ไม้เนื้อแข็งปานกลาง: ไม้สัก, ไม้ยูง, ไม้นนทรีย์, ไม้ตะแบก และไม้พลวง เป็นต้น
3 – ไม้เนื้ออ่อน
ไม้เนื้ออ่อนเป็นต้นไม้ที่เติบโตได้เร็ว มีความแข็งแรงหรือความทนทานน้อยที่สุด เพราะเนื้อไม้จะมีความหนาแน่นต่ำกว่า 600 กก./ลบ.ม. ถือว่าน้อยที่สุดจากทั้ง 3 ประเภท จึงทำให้ไม่นิยมนำไม้ไปใช้กับงานโครงสร้างหลักที่ต้องมีการรองรับน้ำหนักสูง
คุณสมบัติของเนื้อไม้จะมีความเหนียว เหมาะกับการใช้งานในที่ร่มมากกว่ากลางแจ้ง เวลาที่นำไม้ไปตัดแต่งก็สามารถทำได้ง่าย หรือจะนำไปใช้กับงานโครงสร้างได้เหมือนกันแต่ต้องเป็นโครงสร้างรอง และมีราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
เพราะเป็นไม้เนื้ออ่อนจะไม่ค่อยถูกกับน้ำเท่าไหร่นัก เวลาที่นำไปใช้งานก็ควรจะหลีกเลี่ยงความชื้น และเนื้อไม้เป็นที่ชอบสำหรับปลวกเป็นอย่างมาก ทำให้ไม้เนื้ออ่อนจะนิยมนำไปผ่านกระบวนการอัดน้ำยา – อบไม้ให้มีความทนทานมากขึ้น
พันธุ์ไม้เนื้ออ่อน: ไม้ยาง, ไม้กระท้อน, ไม้พะยอม, ไม้ต้นมะพร้าว และไม้กระเจา เป็นต้น
โครงสร้างของไม้เป็นอย่างไร?
- เปลือกไม้ เป็นส่วนที่อยู่ด้านนอกสุดและเราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยลักษณะของเปลือกจะมีผิวขรุขระ เพราะถือว่าเป็นเซลล์ที่ตายไปแล้ว เวลาที่ตัดไม้เพื่อนำไปใช้งานก็จะหลุดง่ายมากที่สุด
- แนวเซลล์ จะเกิดขึ้นระหว่างเปลือกไม้กับเนื้อไม้ เพราะเซลล์มีหน้าที่แบ่งตัวเพื่อให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของต้นไม้ ที่ทำให้ลำต้นดูใหญ่มากยิ่งขึ้น เมื่อไหร่ที่มีการแบ่งตัวจะมีวงเกิดขึ้น เรียกว่าวงปีหรือวงเจริญ (1 วง/ปี)
- เนื้อไม้ จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ชั้น คือ กระพี้เป็นส่วนที่ถัดมาจากเปลือกไม้ จะมีสารอาหารที่กักตุนช่วยให้ต้นไม้เติบโต และเนื้อไม้จะมีสีจาง ส่วนถัดมาข้างในจะเป็นแก่นไม้จะตรงกันข้ามกับกระพี้ที่ไม่สามารถลำเลียงสารอาหารได้
- ใจไม้ คือ จุดที่อยู่ใจกลางของลำต้น เรียกได้ว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นความสูงของต้นไม้ หรือว่าความหนาของลำต้น
วงปีไม้ระบุถึงอะไรบ้าง?
ขึ้นชื่อว่าวงปีหรือวงเจริญ แน่นอนอยู่แล้วว่าเป็นการระบุถึงอายุของต้นไม้ แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าหากเราลองสังเกตให้ดีจะพบว่า วงปีที่เกิดขึ้นจะมีความกว้างที่ไม่เท่ากัน เพราะเกิดจากปริมาณของน้ำฝน
- วงปีที่มีความกว้าง ภายในปีมีฝนตกบ่อย ทำให้เกิดปริมาณน้ำมาก
- วงปีที่มีความแคบ ภายในปีฝนไม่ค่อยตก ทำให้เกิดปริมาณน้ำน้อย
การที่ได้รู้จักกับประเภทของไม้สำคัญอย่างไร?
ไม้จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก คือ ไม้เนื้อแข็ง, ไม้เนื้อแข็งปานกลาง และไม้เนื้ออ่อน ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคุณสมบัติต้นไม้ในแต่ละสายพันธุ์ ที่ช่วยให้คุณได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นว่า ไม้ประเภทไหนเหมาะกับการใช้งานในรูปแบบใด ไม่ว่าจะเป็น การก่อสร้างที่ต้องเน้นความแข็งแรงสูงให้เลือกใช้ไม้เนื้อแข็ง หรือต้องการนำไม้ไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ แต่มีงบที่จำกัดก็สามารถเลือกไม้เนื้อแข็งปานกลางหรือไม้เนื้ออ่อนได้เช่นกัน
ถ้าหากใครที่ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับไม้ แต่ต้องการไม้ที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และมาพร้อมกับความสวยงาม สามารถใช้งานได้ในระยะยาว สามารถติดต่อสอบถามมาได้ที่ MTK WOOD
สนใจไม้คุณภาพดี ต้องที่ MTK WOOD !!
- ไม้คุณภาพดี ตรงตามมาตรฐาน เพราะผ่านการรับรองมาตรฐาน IPPC จากกรมวิชาการเกษตร
- เนื้อสวยไม่มีตำหนิ โรงงานของเรามีเครื่องจักรคุณภาพเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเลื่อยสายพาน, เครื่องไสเรียบ 4 หน้า, เครื่องอัดน้ำยา และเครื่องอบไอน้ำ
- บริการที่ครบครัน ตั้งแต่รับผลิต และจำหน่ายไม้ยางพาราแปรรูป, บริการรับเสื่อยไม้, บริการอัดน้ำยา-อบไม้ และบริการขนส่งไม้ทั่วประเทศไทย ด้วยรถเทเลอร์ รถบรรทุก ที่พร้อมให้บริการกว่า 20 คัน
มีไม้ให้เลือกหลากหลาย
สำหรับใครที่ต้องการนำไปใช้ในงานก่อสร้างหรืองานเฟอร์นิเจอร์ ก็มีไม้ยอดนิยมหลายตัว ที่ให้คุณเลือกใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็น
- ไม้ยางพารา เป็นไม้ยอดนิยม ที่มีความแข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้หลากหลาย และง่ายต่อการตัดแต่ง
- ไม้เบญจพรรณ มีความแข็งแรง ทนทาน รองรับน้ำหนักได้ดี ควรนำไปใช้กับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง
- ไม้ทุเรียน ไม้เนื้อแน่น เหมาะสำหรับนำไปใช้ในการตัด เจาะ ทำไม้โครงไม้จ๊อย ให้ความแข็งแรง ทนทานที่ดี
สามารถติดตาม และดูข้อมูลเพิ่มเติม MTK ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : MTK เอ็มทีเค
Line : @mtkwood
Tel : 095-654-6551
Email : marketing@mtkwood.com