เพราะอะไร? ทำไม พาเลทไม้ จึงสำคัญต่อ Warehouse อยากรู้ห้ามพลาด

เมื่อนึกถึง Warehouse แน่นอนว่าหลายๆ คนต้องเคยเห็น พาเลทไม้ ที่ถูกใช้สำหรับรองรับสินค้า หรือ อุปกรณ์ต่างๆ แล้วให้รถ Forklift สอดแท่นยกเข้าไปใต้ช่องพาเลท เพื่อการขนย้ายสินค้าที่สะดวก แต่เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมคลังสินค้าถึงเลือกใช้พาเลทไม้? วันนี้ทาง MTK WOOD จะมาไขข้อสงสัยเหล่านี้ พร้อมแชร์เทคนิคการจัดการคลังสินค้าที่ดีให้กับผู้ประกอบการ เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารและช่วยลดต้นทุนสำหรับคุณ

 

Warehouse คืออะไร?

Warehouse คืออะไร?

Warehouse หรือ คลังสินค้า คือ สถานที่สำหรับเก็บรักษาสินค้า วัตถุดิบ หรือวัสดุต่างๆ ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมนำส่งออก หรือเรียกอีกอย่างว่าศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) เพื่อส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้า ทั้งในรูปแบบของบุคคล องค์กร หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นคลังสินค้าถือว่ามีความสำคัญต่อการจัดการโลจิสติกส์และซัปพลายเชนอย่างมาก เพราะถ้าหากมีการจัดการสินค้าที่ดีก็จะสามารถช่วยเรื่องของการประหยัดค่าใช้จ่าย และสามารถลดต้นทุนในการขนส่งได้

ความสำคัญของ Warehouse 

คลังสินค้าจำเป็นต่อธุรกิจการผลิต และธุรกิจซื้อมาขายไปเป็นอย่างมาก เนื่องจากกระบวนการของธุรกิจเหล่านี้คือ การนำเข้า-ส่งออกสินค้า เพื่อให้ธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น จึงจำเป็นต้องมีการสต็อกวัตถุดิบและสินค้าเหล่านี้ไว้ในคลังสินค้า หรือเรียกสินค้าเหล่านี้ว่าเป็นสินค้าคงคลัง และสำหรับใครที่อยากรู้ว่าการบริหารคลังสินค้าที่ดีต้องมีอะไรบ้าง? แล้ว พาเลท สำคัญต่อธุรกิจนี้อย่างไร ในหัวข้อถัดไปมีคำตอบ!

 

รวมเทคนิคจัดการ คลังสินค้า ที่ดีต้องมีอะไรบ้าง

สำหรับผู้ประกอบธุรกิจคลังสินค้า หากคุณกำลังเจอกับปัญหาด้านการบริหาร หรือ กระบวนการจัดการ ไม่ว่าจะเป็น หาสินค้าไม่เจอ, สินค้าชำรุดหรือสูญหาย, สินค้าล้นคลัง หรือ สินค้าขาดสต็อก ฯลฯ หากเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น อาจส่งผลกระทบไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ได้ วันนี้ทาง MTK WOOD จะมาแชร์เทคนิคดีๆ เกี่ยวกับการจัดการคลังสินค้า ซึ่งจะมีอะไรบ้างไปดูพร้อมๆ กันเลย!

Software ที่ตอบโจทย์สำหรับ Warehouse ยุคใหม่

Software ที่ตอบโจทย์สำหรับ Warehouse ยุคใหม่

ปัจจุบันการใช้โปรแกรมสต็อกสินค้า ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบจัดการคลังสินค้า โดยระบบส่วนใหญ่ที่นิยมใช้มากที่สุดคือ WMS หรือ (Warehouse Management System) เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับบริหารจัดการคลังสินค้า ช่วยให้กระบวนการคลังสินค้าทำงานได้อย่างรวดเร็ว และ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งกระบวนการทำงานของระบบ WMS มีดังนี้

  • การรับสินค้า (Receiving) ขั้นตอนนี้จะใช้เทคโนโลยีในการจัดการคลังสินค้าด้วยระบบบาร์โค้ด โดยการบันทึกรายละเอียดต่างๆ ของสินค้า เพื่อทำการแยกประเภทหรือกลุ่มของสินค้า
  • การเก็บสินค้า (Storage) ขั้นตอนนี้สามารถใช้ระบบ WMS ในการคำนวณพื้นที่ทั้งหมดของคลังสินค้าได้ เพื่อค้นหาตำแหน่งการจัดเก็บสินค้าที่เหมาะสมมากที่สุด
  • การเบิกและจัดส่งสินค้า (Delivery) เป็นขั้นตอนการจัดเตรียมสินค้าเพื่อทำการส่งสินค้า โดยระบบ WMS จะทำให้รู้ตำแหน่งการจัดเก็บ ทำให้พนักงานสามารถค้นหาสินค้าได้ง่าย ส่งผลให้กระบวนการกระจายสินค้าสามารถทำได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ระบบ WMS ถือเป็นโปรแกรมสำคัญที่ควรมี เพื่อให้การบริหารจัดการคลังสินค้าง่ายขึ้น หากไม่มีระบบ WMS ในการจัดการคลังสินค้า อาจทำให้เกิดปัญหามากมาย อย่างเช่น ไม่รู้จำนวนสินค้าภายในคลัง ไม่รู้พิกัดของสินค้า เกิดการกระจายสินค้าล่าช้า ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจส่งผลให้ธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งได้รับผลกระทบตามไปด้วย

การบริหารแบบ 5S

การบริหารแบบ 5S หรือ 5ส. คือ เครื่องมือสร้างความเป็นระเบียบให้กับการบริหารงาน มีวัตถุประสงค์หลักๆ เพื่อช่วยลดต้นทุน (Cost) และเพิ่มประสิทธิการทำงาน (Efficiency) ซึ่งมี 5 องค์ประกอบ ดังนี้

  • Seiri หรือ Sort (สะสาง) การแยก “สิ่งที่ต้องการ” ออกจาก “สิ่งที่ไม่ต้องการ” อย่างเช่นการแยกเครื่องจักรที่ชำรุด หรือ อุปกรณ์ต่างๆ ที่ไม่จำเป็นในอุตสาหกรรมออก เพื่อเพิ่มพื้นที่การทำงาน และช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน
  • Seiton หรือ Set in order (สะดวก) การจัดวางสิ่งของต่างๆ ตามหมวดหมู่อย่างเป็นระเบียบ เพื่อความสะดวกรวดเร็วต่อการใช้งาน
  • Seiso หรือ Shine (สะอาด) ความสะอาด คือ ปัจจัยสำคัญต่อการสร้างสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน ซึ่งความสะอาดจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจของคุณได้ นอกจากนี้การทำความสะอาดเครื่องจักรยังช่วยเพิ่มอายุการใช้งานให้นานยิ่งขึ้นด้วย
  • Seiketsu หรือ Standardize (สุขลักษณะ) หัวข้อนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อทำครบทั้ง 3 หัวข้อด้านบน โดยคำนึงถึงการจัดสถานที่ทำงานให้พนักงานมีสุขอนามัยที่ดี เมื่อองค์กรมีสุขลักษณะที่ดี ประสิทธิของพนักงานก็จะดีขึ้นไปด้วย 
  • Shitsuke หรือ Sustain (สร้างนิสัย) ขั้นตอนสุดท้ายนี้ คือ การสร้างระเบียบวินัยจนเกิดเป็นนิสัย เมื่อมีทัศนคติที่ดีจะส่งผลดีต่อการทำงานและองค์กร

โดยส่วนมากแนวคิดนี้นิยมใช้ในวงการอุตสาหกรรม ก่อนที่จะขยายมาใช้ในทุกประเภทธุรกิจ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการนำมาปรับปรุงแก้ไขการทำงาน และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมให้ดียิ่งขึ้น

ตรวจสภาพความพร้อมตลอดเวลา

สิ่งสำคัญสำหรับการบริหารงานภายในคลังสินค้า คือ การตรวจเช็กสภาพความพร้อมของอุปกรณ์ หรือ เครื่องจักรที่ใช้งานอยู่เสมอ เพราะถ้าหากอุปกรณ์ หรือ เครื่องจักรที่ใช้งานเกิดความเสื่อมสภาพ อาจเป็นสาเหตุทำให้กระบวนการทำงานเกิดความล่าช้า และประสิทธิภาพที่ได้อาจลดลง ดังนั้นควรตรวจเช็กสภาพความพร้อมของอุปกรณ์เป็นประจำ เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรได้อีกด้วย

เลือกวัสดุ พาเลท ที่ใช้ให้เหมาะสม

เลือกวัสดุ ไม้พาเลท ที่ใช้ให้เหมาะสม

การทำธุรกิจคลังสินค้าจำเป็นต้องเลือกใช้ พาเลท ที่มีความแข็งแรง และปลอดภัยต่อตัวสินค้า เพื่อการจัดเก็บสินค้า วางแผนสต็อกสินค้า หรือ เคลื่อนย้ายสินค้า เหตุผลที่งานประเภทอุตสาหกรรมนิยมใช้พาเลทไม้ เนื่องจากมีคุณสมบัติในการรองรับสินค้าที่มีน้ำหนักมาก ทำให้การขนส่งสินค้าเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว ช่วยลดการสูญเสียของสินค้า และที่สำคัญมีต้นทุนไม่สูง ซึ่งแต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติ และลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

  • พาเลทไม้ (Wooden Pallets) นิยมนำมาใช้กันมากที่สุด เนื่องจากเป็นวัสดุที่หาง่าย มีราคาถูก มีไม้ให้เลือกหลายประเภท และมีความทนทาน เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้า หรือ นำไปผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ
  • พาเลทโฟม (Foam Pallets) มีน้ำหนักเบา สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย และใช้สำหรับรองสินค้าแต่ละชั้น เหมาะสำหรับใช้คั่นสินค้าที่ต้องระวังเรื่องความเสียหายเป็นพิเศษ
  • พาเลทพลาสติก (Plastic Pallets) เป็นพาเลทอีกหนึ่งประเภทที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้ เนื่องจากมีความทนทาน น้ำหนักเบา และราคาถูก ใช้สำหรับการจัดระเบียบของสินค้า แต่ไม่เหมาะกับสินค้าที่มีน้ำหนักมาก
  • พาเลทกระดาษ (Paper Pallets) เป็นประเภทที่มีน้ำหนักเบาที่สุด และแข็งแรงน้อยที่สุด ใช้สำหรับรองรับสินค้าไม่ให้สัมผัสกับสินค้าโดยตรง เหมาะกับคนที่ต้องการวัสดุราคาไม่แพง และสามารถใช้งานได้ครั้งเดียว
  • พาเลทเหล็ก (Steel Pallets) ทำมาจากเหล็กที่ตัดเป็นขนาดต่างๆ มีน้ำหนักมากจึงไม่เหมาะแก่การขนส่ง  และราคาสูง ใช้สำหรับวางสินค้าที่มีน้ำหนักมาก สามารถใช้งานได้ยาวนาน ไม่เหมาะกับการเคลื่อนย้าย

ถ้าต้องการพาเลทที่สามารถใช้งานได้หลายครั้ง และเน้นใช้งานด้านอุตสาหกรรม ขอแนะนำ พาเลทไม้ จาก M.T.K ร้านจำหน่าย ไม้พาเลท แปรรูป มีให้เลือกหลายเกรด หลายขนาด แถมยังมีให้เลือกหลายรูปแบบ! ผ่านการรับรองมาตรฐาน IPPC ที่สำคัญมีบริการอัดน้ำยาและอบไม้ หมดกังวลปัญหาเรื่องแมลงและเชื้อราไปได้เลย

รับข้อมูลจากลูกค้าเพื่อปรับปรุงอยู่เสมอ

สำหรับเทคนิคการจัดการที่เราได้นำเสนอไปนั้น เป็นแนวทางการบริหารคลังสินค้าให้มีการจัดเก็บที่เป็นระเบียบ เพื่อเพิ่มความถูกต้อง แม่นยำ ในการจัดเก็บสินค้าก่อนนำส่งถึงมือลูกค้า แต่ถึงแม้ว่าจะตอบโจทย์ผู้ประกอบการมากแค่ไหน สิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยคือ การติดตามทุกกระบวนการทำงานอย่างใกล้ชิด และเปิดใจรับข้อมูลจากลูกค้า เพื่อนำมาปรับปรุงและปรับใช้ให้เข้ากับธุรกิจคลังสินค้าของคุณ หากมีการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด จะช่วยส่งผลให้กระบวนการทำงานมีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น

 

 

เลือกซื้อ ไม้พาเลท เพื่อการส่งออก ต้องที่ MTK WOOD

สำหรับใครที่ประกอบการจัดการคลังสินค้า และกำลังมองหาไม้พาเลทคุณภาพดี มีให้เลือกหลายเกรด นอกจากใช้กับงานโลจิสติกส์แล้ว ยังสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ขอแนะนำตัวเลือกดีๆ อย่าง M.T.K โรงงานไม้ยางพาราแปรรูป การันตีคุณภาพด้วยการรับรองจากมาตรฐานสากล

  • ไม้ดีมีมาตรฐาน ไม้ของเราผ่านการรับรองมาตรฐาน IPPC หรือ International Convention ซึ่งเป็นมาตรฐานที่สากลยอมรับ หากไม่มีการรับรอง IPPC จะทำให้ไม่สามารถขนสินค้าข้ามประเทศได้
  • เครื่องจักรมีคุณภาพทุกขั้นตอน เราใช้เครื่องจักรคุณภาพดี สามารถผลิตไม้ได้หลายรูปแบบตามมาตรฐานแน่นอน
  • ครบทุกความต้องการ ตั้งแต่รับผลิต และจำหน่ายไม้ยางพาราแปรรูป, บริการรับเลื่อยไม้, บริการอัดน้ำยา-อบไม้ และบริการขนส่งไม้ทั่วประเทศไทย ด้วยรถเทเลอร์ รถบรรทุก ที่พร้อมให้บริการกว่า 20 คัน

 

 

 

สามารถติดตาม และดูข้อมูลเพิ่มเติม MTK ได้หลากหลายช่องทางที่

Facebook : MTK เอ็มทีเค

Line : @mtkwood

Tel : 095-654-6551

Email : marketing@mtkwood.com

บทความที่เกี่ยวข้อง