ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ไม้ก็ยังเป็นส่วนประกอบหลักที่คนส่วนใหญ่นิยมนำมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ตลอดกาล เนื่องจากเพราะ ‘ ไม้ ’ มีความงดงามแบบธรรมชาติ ช่วยทำให้รู้สึกอบอุ่น เหมาะกับบ้าน และยังมีคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทาน ไม้จึงถูกนำไปแปรรูปออกมาเป็นเฟอร์นิเจอร์หลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ ตู้ หรือเตียงนอน โดยที่คุณนำไปวางเอาไว้ตรงมุมไหน ก็จะเข้ากับสไตล์ของบ้าน และคุ้มค่าต่อการใช้งาน วันนี้ MTK WOOD จะพาคุณมารู้จักกับ “ ไม้เฟอร์นิเจอร์ ” ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่า ไม้แต่ละประเภท มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง
ไม้เฟอร์นิเจอร์ มีทั้งหมดกี่ประเภท?
ไม้ที่นำมาใช้ทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ จะมีทั้งไม้แท้ที่ตัดมาจากต้น กับไม้ที่แท้เหมือนกัน แต่ว่าจะผ่านกระบวนการในการผลิตที่ไม่เหมือนกัน เพื่อที่จะได้คุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป จึงขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานว่า อยากจะเลือกใช้แบบไหน ถ้าอยากรู้แล้วว่า ไม้ประเภทไหนจะเหมาะกับความต้องการของคุณ มาดูกันเลยดีกว่า!!
ไม้ปาร์ติเกิล
ไม้ปาร์ติเกิ้ล (Particle Board) เป็นไม้ยางพาราที่ผ่านกระบวนการในการผลิต โดยการนำพวกไม้ชิ้นเล็กๆ ที่เป็นเศษไม้ หรือว่าขี้เลื่อย มาแปรรูปผ่านเครื่องอัดแรงดันสูง และผสมกับน้ำยาทางเคมีที่เหมือนกับกาว เพื่อให้เกิดการเกาะตัวที่เหนียวแน่นกันมากขึ้น หลังจากนั้นก็จะนำไปปิดผิวด้วยวัสดุอื่นๆ อย่างเช่น กระดาษฟอยล์ แผ่นพีวีซี แผ่นลามิเนต หรือแผ่นเมลามีน ซึ่งมวลที่อยู่ภายในจะยังมีช่องว่างอยู่บ้าง ทำให้เนื้อไม้ฟู ไม่แน่นจนเกินไป จึงทำให้ไม้มีน้ำหนักเบา ขนย้ายก็ง่าย สะดวกต่อการนำไปประกอบ เพราะสามารถยิงสกรูหรือยึดน็อต ผ่านไม้ได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องใช้แรงเยอะ แถมยังมีราคาถูกที่สุดเลยก็ว่าได้ ส่วนใหญ่จะนิยมนำไปทำเป็นชั้นวางของ, ชั้นวางโทรทัศน์, โต๊ะทำงาน และตู้ลิ้นชัก เป็นต้น
เพราะด้วยราคาที่ถูก จากการผลิตที่อัดเป็นแผ่น แต่เนื่องจากไม้ชนิดนี้ไม่ได้เคลือบ ไม้จึงมีความแข็งแรงต่ำ ทำให้เนื้อไม้ไม่กันน้ำ และกักเก็บความชื้นได้ในระดับหนึ่ง เวลาที่โดนน้ำไม้ปาร์ติเกิ้ลจะเปื่อย และถ้าหากปล่อยเอาไว้นานๆ เนื้อไม้จะยุ่ยออกมาเป็นเศษ หรือว่าเกิดเชื้อราขึ้นในไม้ได้
- จุดเด่น : มีน้ำหนักเบา, หาซื้อได้ง่าย และราคาถูก
- จุดด้อย : ไม่แข็งแรง และห้ามโดนความชื้น
ไม้ MDF
ไม้ MDF (Medium – Density Fiberboard) จะมีขั้นตอนในการผลิตที่คล้ายกับไม้ปาร์ติเกิ้ล แต่ว่าจะเปลี่ยนเป็นการนำไม้ยางพาราไปบดเป็นเศษไม้ ที่มีความละเอียดมากกว่า จนกลายเป็นผง หลังจากนั้นก็จะนำไปทำเป็นแผ่นด้วยเครื่องอัดแรงดันสูง ผสมกับกาวแล้วอบด้วยความร้อนให้แห้ง
จึงทำให้เนื้อไม้ MDF ได้ผิวที่เรียบเนียนทั้งแผ่น และสามารถนำสีที่คุณชื่นชอบมาตกแต่งได้ โดยที่ไม้ยังมีความแข็ง รองรับน้ำหนักได้ดี และทนน้ำได้มากกว่าไม้ปาร์ติเกิ้ล แต่ก็ยังมีราคาที่จับต้องได้ง่าย เวลานำไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ จะถูกใช้เป็นส่วนเสริมมากกว่า ตามพวกบานเปิด-ปิด ไม่ว่าจะเป็นลิ้นชัก หรือตู้ และมีบ้างที่จะเอาไปทำเป็นประตู
เนื้อไม้ที่เรียบเนียน และอัดด้วยแรงดันสูง จึงทำให้ไม้มีน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการขนย้าย และยังต้องระวังเรื่องของน้ำที่โดนไม้ เพราะไม้ยังดูดซับความชื้นได้อยู่ หากปล่อยเอาไว้นานๆ ก็จะเกิดเชื้อราขึ้นได้ และถึงแม้ว่าจะใช้สีตกแต่งเพิ่มเติมได้ ก็จะต้องใช้เป็นสเปรย์พ่นสีเท่านั้น ไม่แนะนำให้ใช้แบบทาสี ส่วนเวลาที่เอาไปตัดหรือเจาะ ก็จะมีฝุ่นออกมาเยอะมากกว่าปกติ
- จุดเด่น : แข็งแรง รองรับน้ำหนักได้ดี, ผิวเรียบเนียน และตกแต่งสีเพิ่มเติมได้
- จุดด้อย : มีน้ำหนัก, ต้องหลีกเลี่ยงความชื้น และมีฝุ่นเยอะ
ไม้อัด
ไม้อัด (Plywood) จะมีวิธีในการผลิตโดยนำ ไม้ทั้งท่อนมาปอกผิวชั้นนอก เอาส่วนที่ขรุขระไม่เรียบเนียนออกไปก่อน พอไม้มีเนื้อเนียนเสมอกันแล้ว ก็จะนำไปตัดให้เป็นแผ่นบางๆ จากนั้นก็นำไม้แต่ละแผ่นมาซ้อนทับกัน แล้วใช้เครื่องแรงดันสูงกดให้กลายเป็นไม้อัด
โดยไม้ที่จะนำมาทำ จะเป็นไม้อัดหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ไม้ยางพารา ไม้สัก หรือไม้บีช ในบางที่หลังจากที่อัดไม้เป็นแผ่นแล้ว จะนำไปผ่านกระบวนการทำเคมี และอบไม้เพื่อไล่ความชื้นต่อ ซึ่งจะทำให้ไม้แข็งแรงทนทานมากกว่าเดิม ช่วยให้กันน้ำ กันปลวกได้ และสามารถทาสีหรือตกแต่งได้ตามที่ต้องการเช่นเดียวกับไม้ MDF โดยสามารถเอาไปทำเป็นโต๊ะ เก้าอี้ เตียงนอน หรือชั้นวางของก็ได้
ถือว่าเป็นไม้อีกหนึ่งประเภทที่คนนิยมนำมาใช้ เพราะมีความแข็งแรงที่ใกล้เคียงกับไม้จริงมากๆ จึงทำให้มีราคาที่ค่อนข้างสูง และมีน้ำหนักเช่นเดียวกัน แต่ถึงแม้ว่าผิวจะดูเรียบก็ยังคงต้องระวังในเรื่องของเสี้ยนด้วย
- จุดเด่น : แข็งแรง ทนทาน, สัมผัสกับน้ำได้, กันปลวก และแต่งเติมด้วยสีได้
- จุดด้อย : มีน้ำหนัก, ต้องระวังเสี้ยนไม้ และราคาสูง
ไม้ HMR
ไม้ HMR (High Moisture Resistance board) จะมีกระบวนการในการผลิตที่คล้ายกับไม้ MDF แต่จะเป็นการนำไม้ยูคาลิปตัส มาบดให้กลายเป็นผงละเอียด หลังจากนั้นก็จะนำไปเข้าเครื่องอัดให้ขึ้นรูปเป็นแผ่น ผสมด้วยสารเคมีชนิดพิเศษอย่างกาวเมลามีน ทำให้ไม้ไม่บวมเวลาที่โดนน้ำ และไม่บิดงอได้ง่ายๆ
ลักษณะของไม้จะเป็นสีเขียว แต่ถ้าใช้ไปนานๆ เวลาที่ไม้โดนแดดหรือความร้อน จะทำให้สีจางลง แต่ยังคงมีความสามารถที่ทนความชื้นได้ดีเกือบเท่ากับไม้อัด มีผิวเรียบเนียน ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนเสี้ยนตำ จะนำไปทำสีก็ง่าย และเวลาที่จะเอาไม้ไปประกอบทำเฟอร์นิเจอร์ จะตัดหรือเจาะก็สะดวก คนส่วนใหญ่จึงนิยมที่จะนำไม้ชนิดนี้ไปทำงานเฟอร์นิเจอร์ประเภท Built In ซะส่วนใหญ่ เพราะเวลาที่นำมาติดตั้งจะไร้รอยต่อ ทำให้มีความสวยงามมากกว่า
แต่เป็นไม้ที่มีราคาค่อนข้างสูง หากเปรียบเทียบกับไม้ที่มีกระบวนการในการผลิตที่ใกล้เคียงกันอย่าง ไม้ปาร์ติเกิล หรือ ไม้ MDF และยังมีน้ำหนักที่มากกว่าไม้ประเภทอื่นๆ อีกด้วย แต่ก็ยังไม่หนักเท่ากับไม้แท้
- จุดเด่น : แข็งแรง, ทนความชื้นได้ดี และนำไปประกอบได้ง่าย
- จุดด้อย : มีน้ำหนัก และราคาสูง
ไม้แท้
ไม้แท้ (Wood) หรือไม้จริง เป็นไม้ตามธรรมชาติ ที่ถูกตัดจากต้นไม้มาเป็นท่อน ซึ่งขนาดของไม้จะไม่เท่ากัน เพราะขึ้นอยู่กับอายุของต้นไม้ และมีกระบวนการในการผลิตที่ไม่เหมือนกับประเภทก่อนหน้านี้ เพราะจะนำไม้ทั้งท่อนนั้นมาใช้งานเลย โดยจะเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่ต้องผ่านเครื่องที่ใช้แรงอัด แต่ก็จะมีบ้างที่นำไม้ไปอบหรือชุบน้ำยา เพื่อป้องกันปลวก แมลง และเชื้อรา
ซึ่งไม้ตามธรรมชาติ จะเป็นไม้ที่มีความแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้ดี โดนน้ำได้ และมีลายที่สวยงามของไม้อยู่แล้ว ถือว่าเป็นไม้ประเภทแรกที่นำไปใช้ทำเป็นเฟอร์นิเจอร์เลยก็ว่าได้ เช่น โซฟาไม้, ตู้, โต๊ะ, เก้าอี้ และอื่นๆ อีกมากมาย
เป็นไม้ที่มีราคาสูงที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะราคาจะขึ้นอยู่กับว่า ไม้ที่นำมาทำ เป็นไม้ชนิดไหน และมีอายุการใช้งานกี่ปี ยิ่งต้นใหญ่ ยิ่งมีราคาสูง แต่สำหรับไม้บางชนิดต้องคอยระวังปลวกหรือแมลงที่จะเข้าไปอาศัยอยู่ภายในไม้ และจะต้องคอยทาน้ำยา เพื่อยืดอายุการใช้งานของเนื้อไม้
- จุดเด่น : แข็งแรง ทนทานมากที่สุด, รองรับน้ำหนักได้ดี และมีลายที่สวยงามตามธรรมชาติ
- จุดด้อย : มีน้ำหนัก, ระวังปลวก แมลง และราคาสูงมาก
ทำไมไม้ถึงต้องมีหลายประเภทที่นำไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์?
ไม้แต่ละประเภทที่วันนี้เราเอามานำเสนอนั้น เป็นไม้ที่มักจะเอาไปทำเฟอร์นิเจอร์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เตียง เก้าอี้ โซฟา ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางทีวี และอื่นๆ อีกมากมาย ถือว่าเป็นไม้ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไปทั้งกระบวนการในการผลิต คุณภาพ และราคา ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานว่า อยากจะนำไม้ประเภทไหนไปใช้ เพื่อให้เหมาะสมกับพื้นที่นั้นๆ เพราะถ้าคุณรู้แล้วว่าไม้ประเภทไหนที่ไม่ควรจะโดนน้ำหรือความชื้น ก็ต้องวางเอาไว้ในบ้านตรงมุมที่ไม่มีความชื้นสูง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น และยังเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานของไม้ได้อีกด้วย
อยากจะได้ไม้ไปทำเฟอร์นิเจอร์ต้องที่ MTK WOOD !!
MTK WOOD เป็นโรงไม้ที่เปิดให้บริการมากกว่า 25 ปี ได้รับรองมาตรฐาน IPPC จากกรมวิชาการเกษตร โดยมีเครื่องจักรคุณภาพดี ที่สามารถผลิตไม้ได้หลายรูปแบบ นำไปใช้ในงานก่อสร้าง งานอุตสาหกรรม งานเฟอร์นิเจอร์ โรงงานของเราก็มีไม้ยอดนิยมหลายตัวที่ให้คุณได้เลือก ไม่ว่าจะเป็น ไม้ยางพารา, ไม้เบญจพรรณ, ไม้ทุเรียน, ไม้พาเลท, ไม้จ๊อย และไม้โครง ให้คุณใช้ได้ตามความเหมาะสมของงาน แถมเรายังมีบริการรับเลื่อยไม้ และบริการอัดน้ำยา-อบไม้ รวมไปถึงบริการขนส่งไม้ทั่วประเทศไทย
สามารถติดตาม และดูข้อมูลเพิ่มเติม MTK ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : MTK เอ็มทีเค
Line : @mtkwood
Tel : 095-654-6551
Email : marketing@mtkwood.com